บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด หัวเทียนสะดุด เมื่อเปลี่ยนขุนศึกกลางคัน
จอร์เก้ เด อโมริม คัมโปส คือชื่อของโค้ชใหม่ที่ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด แต่งตั้งมาในช่วงเดือนมีนาคม แต่ถ้าชื่อที่หลาย ๆ คน โดยเฉพาะแฟนบอลยุค 80 หรือ 90 รู้จักกัน ทุกคนเรียกเขาว่า จอร์จินโญ่ หนึ่งในตำนานที่พาทีมชาติบราซิล คว้าแชมป์ฟุตบอลโลก เมื่อปี 1994
จอร์จินโญ่ ผ่านการเล่นกับสโมสรชั้นนำอย่าง ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น หรือ บาเยิร์น มิวนิค ส่วนในนามทีมชาติที่เราบอกไป บราซิล ชุดที่เขาลงเล่นชื่อนักเตะคุ้นหูก็คงเป็น คาร์ลอส ดุงก้า กับ โรมาริโอ้ ซึ่งทั้งสามคน มีชื่อติดทีมยอดเยี่ยมในฟุตบอลโลก 1994 ที่ สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นเครื่องหมายการันตี ถึงการเป็นหนึ่งในแบ็คขวาที่ดีที่สุดคนหนึ่งของยุค
แต่ในแง่ของการเป็นเฮดโค้ช จอร์จินโญ่ ยังคงมีเครื่องหมายคำถามอยู่ เขาตระเวนคุมทีมในหลายประเทศทั้ง บราซิล, ญี่ปุ่น หรือสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ แต่ความสำเร็จ ที่ดูจะจับต้องได้ก็เป็นแค่การคว้าแชมป์บอลถ้วย และพา วาสโก เดอ กามา เลื่อนชั้นสู่ลีกสูงสุด เพียงเท่านั้น
ข้ามฟากกลับมาที่แดนอีสานบ้านเรา บุรีรัมย์ กำลังเริ่มไปได้สวยกับการคุมทีมของ อาร์เธอ ปาปาส โอเค แม้ว่าจะมีสะดุดบ้าง อย่างการตกรอบฟุตบอลถ้วยด้วยน้ำมือของทีมระดับ ไทยลีก 3 รวมถึงช่วงต้นฤดูกาลฟอร์มก็ร่อแร่ จนแทบจะหมดหวังในการลุ้นแชมป์ไทยลีก
แต่หากมาดูฟอร์มในลีก พวกเขายิงประตูเป็นกอบเป็นกำ นัดละ 3-4 ประตู และส่งกองหน้าตัวใหม่อย่าง กิลเยร์เม บิสโซลี ขึ้นไปลุ้นดาวซัลโว ทั้ง ๆ ที่เพิ่งย้ายมาในช่วงเลกที่สอง นอกจากนี้ ‘ปราสาทสายฟ้า’ ยังเบียด ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด กลับขึ้นไปเป็นจ่าฝูง แถมเฮด-ทู-เฮด ยังดีกว่า ทำให้โอกาสคว้าแชมป์ อีกสมัยเปิดกว้าง
แต่แล้วก็มีประกาศแยกทางกับ ปาปาส ไปแบบงง ๆ ในช่วงพักเบรกทีมชาติเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา และประกาศตั้ง จอร์จินโญ่ เข้ามาคุมทัพ พร้อมกับเวลาซ้อมกับทีมก็ลงแข่งนัดแรกเพียง 3 วันเท่านั้น
“การเปลี่ยนแปลงคือ การพัฒนา และการพัฒนาคือ การยกระดับทีม” ประโยคสั้น ๆ ที่ยกมาของ เนวิน ชิดชอบ ที่ให้เหตุผลที่การเปลี่ยนหัวเรือใหญ่ ในช่วงที่สำคัญที่สุดกับการไล่ล่าแชมป์ลีก
“แม้สถานะของทีมยังดี และอยู่ในเส้นทางสู่เป้าหมาย แต่สำหรับบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด แค่นี้ยังไม่พอ แค่มีแชมป์ยังไม่พอ ต้องเป็นแชมป์ ด้วยรูปแบบการเล่นที่ดี และผลงานที่ดีทุกนัดที่ลงสนาม” คำพูดนี้คือเหตุผลที่ ปาปาส ไม่ได้ไปต่อกับ ‘ปราสาทสายฟ้า’ กับรูปแบบการเล่นที่ไม่น่าประทับใจ แม้ว่าจะพาทีมกลับมาลุ้นแชมป์ได้
แต่การเปลี่ยนแปลงก็ไม่ได้ทำให้กราฟฟอร์มการเล่นของ บุรีรัมย์ พุ่งกระฉูด แต่ตรงกันข้ามกับดูทรง ๆ และขาดความดุดันลงไป แน่นอนสาเหตุอย่างหนึ่งคือเรื่องการปรับตัวกับ รูปแบบการเล่นใหม่ ๆ ของ จอร์จินโญ่
ถ้าให้พูดถึงภาพรวม บุรีรัมย์ ตอนนี้ยังไม่น่าประทับใจนัก กับการเข้ามาของ เฮดโค้ชชาวบราซิล หนึ่งในเหตุผลสำคัญคือ ความดุดันในเกมรุกดูจะหายเอาไปดื้อ ๆ โดยเฉพาะฟอร์มของ กิลเยร์เม บิสโซลี เพราะผลงาน 3 นัดภายใต้กุนซือคนใหม่ เขายิงประตูไม่ได้เลย และแทบจะไม่มีส่วนรวมกับเกมรุกของทีม
แท็คติก ดูจะเล่นเกมรุกทางริมเส้นมากขึ้น แต่ก็ไม่ได้มีความแตกต่างกว่าในยุคที่ ปาปาส คุมแต่อย่างใด ส่วนผลงาน 3 นัด แม้ว่าจะบุกไปเสมอกับ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด มาได้ แต่ต้องบอกว่ารูปเกมครึ่งหลังเอาตัวเกือบไม่รอด เช่นเดียวกับอีกสองเกม ที่ชนะ สิงห์ เชียงราย กับชนะ พีที ประจวบ ก็อยู่ในสภาพที่แค่เอาตัวรอด แต่ไม่น่าประทับใจ
ยังดีที่ ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด เปิดบ้านเสมอกับ การท่าเรือ เอฟซี มาในเกมล่าสุด ทำให้สถานการณ์ลุ้นแชมป์ ยังอยู่ในมือของ บุรีรัมย์ เพียงแค่ชนะทุกนัดก็เพียงพอแล้ว แต่ด้วยฟอร์มการเล่นแบบนี้ คงทำให้แฟนบอล GU12 ต้องลุ้นหนักทุกเกมอย่างแน่นอน
การตัดสินใจที่รวดเร็ว และเด็ดขาด ในบางจังหวะอาจจะเป็นข้อดี แต่มารอดูในสถานการณ์นี้ที่ เนวิน เลือกที่จะเปลี่ยนเพื่ออนาคต แทนที่จะรอจบฤดูกาล ว่ามันจะส่งผลดีในระยะยาว หรืออาจจะพาทีมสะดุด จนกลายเป็นฤดูกาลที่จบลงด้วยมือเปล่าของยอดทีมจากดินแดนภูเขาไฟ
เขียนโดย The Lite Team.
LS Sport ข่าวกีฬาคนรุ่นใหม่ 24 ชม.